วิธีวัดขนาดหน้าอกเพื่อเลือกชุดว่ายน้ำได้ถูกต้อง
1. วัดรอบกาย การวัดรอบกายทำได้ 2 วิธี ซึ่งควรจะวัดทั้ง 2 แบบแล้วนำมาเปรียบเทียบกัน ถ้าวัดถูกต้อง จะได้ค่าที่เท่ากัน
แบบที่ 1 ใช้สายวัด วัดรอบตัวเหนือหน้าอกของเรา รอดใต้แขนวัดเป็นนิ้ว หากได้เลขคี่ ให้ปัดขึ้นเป็นเลขคู่ค่ะ เช่น 35 นิ้ว ปัดเป็น 36 นิ้ว หากได้เลขที่คู่ ก็ใช้เลขนั้นได้เลยค่ะ เช่น วัดได้ 32 ลำตัวของเราก็คือ 32 ค่ะ
แบบที่ 2 ใช้สายวัด วัดรอบตัว ใต้หน้าอก วัดได้เท่าไหร่ บวกเพิ่มเข้าไปอีก 5 นิ้วนะคะ เช่น หากวัดได้ 26 นิ้ว บวกเพิ่มอีก 5 ค่าลำตัวของเราก้อคือ 31 ถ้าบวกออกได้เลขคี่ ให้ปัดขึ้นเป็นเลขคู่นะคะ
การวัดลำตัว ควรวัดแบบติดติดลำตัว ไม่ต้องหายใจเข้าให้พองๆ แล้ววัดเดียวจะค่าผิดไปนะคะ
2. วัดรอบอก การวัดรอบหน้าอกนะคะ ให้เราใช้ที่วัดวัดรอบจุดที่ยื่นออกมามากที่สุดของหน้าอก แต่โอกาสนี้ให้วัดหลามๆ หายใจปกติ วัดเป็นนิ้วค่ะ
3. วัดขนาดหน้าออก หรือ Cup ด้วยการนำ รอบอก(นิ้ว) - รอบลำตัว(นิ้ว) หรือนำผลที่ได้จากข้อ 2 หักลบด้วยผลที่ได้จากข้อ 1 ผลสรุปที่ได้ จะเป็นค่า CUP ของเสื้อใน A B C D ตามตารางค่ะ
ผลต่าง (นิ้ว / inch) CUP
1. นิ้ว หรือน้อยกว่า A
2. นิ้ว B
3. นิ้ว C
4. นิ้ว D
ตัวอย่าง รอบอก 33 นิ้ว นะคะ เอามาลบ 32 นิ้ว ขนาดคัพ A เวลาไปซื้อชุดชั้นใน = 32/A เสื้อชั้นในบางยี่ห้อ ใช้เลขลำตัวหน่วยเป็นเซ็นติเมตร ลองเทียบค่าลำตัวจากนิ้วเป็น ซ.ม. ได้จากตารางด้านล่างนี้เลยค่ะ
นิ้ว เซ็นติเมตร
30 65
32 70
34 75
36 80
38 85
วิธีการการวัดนี้เป็นวิธีแบบมาตรฐานนะคะ เขาใช้วัดขนาดของชุดชั้นในกัน แต่ก้อพบว่ามีผู้หญิงหลายคนวัดแล้วไม่ค่าคัพตรงกับไซส์ชุดชั้นในที่ตนเองใส่อยู่จริงๆ เช่นปกติใส่คัพ C แต่พอลองวัดกับวิธีนี้ ต้องกลายเป็นใส่ คัพ A สัดส่วนของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง และเสื้อชั้นในล่าสุดส่วนใหญ่จะเป็นแบบ Push-Up Bra หรือ บราดันทรงที่มีโครงลวด มีแผ่นฟองน้ำเสริมทรง มีแผ่นดันทรงวางไว้ใต้หน้าอกอีกที ทำให้ผู้หญิงมักจะต้องใส่เสื้อชันในขนาดคัพใหญ่กว่าปกติ 1 ไซส์ เนื่องจากมีอุปกรณ์ เสริม เหล่านี้เข้ามาช่วยเสริมให้อกดูอวบอิ่มขึ้นนั่นเองค่ะ ดังนั้นถ้าหากขนาดคัพที่ได้ไม่กับที่ใส่อยู่จริง เราก้อควรใช้ค่าลำตัว ไปใช้ซื้อชุดชั้นในหรือ
ชุดว่ายน้ํา ส่วนจะใส่ไซส์ใด หรือ คัพใด น่าจะต้องไปลองกันเองนะคะ
4. ขนาดคัพเท่ากัน สัดส่วนลำตัวแตกต่างกัน ควรเลือกใส่ตามความพอเหมาะ และสามารถยืดหยุ่นได้ค่ะ
ส่วนมากชุดชั้นในหรือ ชุดว่ายน้ํา มีขายหลากหลายยี่ห้อนะคะ แต่ละยี่ห้อ ก้อมีรูปแบบ และสไตส์ที่แตกต่างกันไป จึงไม่แปลกถ้าเราใส่ชุดยี่ห้อหนึ่งขนาด 34/75 แต่เมื่อไปซื้ออีกยี่ห้อ กลับใส่ 36/80 A แล้วพอดีกว่า เพราะขนาดเต้า/ cup ของเสื้อในขนาด 36/80 A ใหญ่เท่ากับชุดชั้นในขนาด 34/75B และยังเท่ากัน 32/70 C อีกด้วย ขนาดคัพเท่ากัน แต่ขนาดลำตัวต่างกันขึ้นอยู่กับความยืดหยุ่นของตัวเนื้อผ้า และรูปทรงการตัดเย็บของแต่ละยี่ห้อ ดังนั้นการซื้อเสื้อผ้าชุดชั้นใน หรือชุดว่ายน้ำ หลีกเลี่ยงการไปยึดติดกับไซส์เดิมๆ สำคัญที่ใส่คัพของเสื้อในต้องแนบสนิทกับเนื้อหน้าอกของเรา ไม่เหลือช่องว่าง ถ้าเหลือแสดงว่าคัพใหญ่ไป แต่ก้อไม่เล็กแน่นจนล้น (ยกเว้นจงใจนะคะ) ส่วนขนาดลำตัวสามแล้วควรพอดี ไม่แน่นจนรู้สึกอึดอัด และถ้าลองยกแขนทั้งสองขึ้นบิดซ้ายบิดขวา แถบลำตัวชุดว่ายน้ำต้องไม่ถลนขึ้นมา
5.
ขนาดหน้าอกเราเปลี่ยนแปลงได้ ตามน้ำหนัก และฮอร์โมน เช่น ถ้าหากน้ำหนักขึ้น หน้าอกก็จะใหญ่ขึ้นเช่นเดียวกับน้ำหนักลง หน้าอกจะเล็กลงไปด้วยอีกด้วย จะมากหรือน้อยแล้วแต่คน ยิ่งไปกว่านี้ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงก็ มีผลต่อขนาดของหน้าอกด้วยเช่นเดียวกัน เช่น ผู้หญิงหลายๆ คน จะตึงคัดเต้านม หรือเจ็บหน้าอกและขนาดหน้าอกขยายขึ้นนิดหน่อยช่วงก่อนมีประจำเดือน ช่วงเวลามีประจำเดือน รวมถึงช่วงตั้งครรภ์ด้วย สำหรับกรณีที่เจ็บและคัดหน้าอกมาก และหน้าอกขยายค่อนข้างมากในช่วงเวลาดังกล่าว อาจหาซื้อชุดว่ายน้ำ ในขนาดที่คัพใหญ่ขึ้น เพื่อใส่ในช่วงวันนั้นๆ เพื่อความสบายตัว ไม่จำเป็นต้องยึดติดว่าคุณจะต้องใส่ชุดว่ายน้ำในขนาดเดิมหรือขนาดเดียวไปตลอดค่ะ
6.
ควรมีการวัดขนาดหน้าอกตนเอง ทุกๆ 1-2 ปี และคอยเฝ้าสังเกตว่ารู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวเวลาสวมใส่ชุดชั้นในหรือ
ชุดว่ายน้ำหรือไม่ เพราะว่าอาจเป็นสัญญาณบอกให้เพื่อน ต้องเปลี่ยนขนาด เปลี่ยนแบบ หรือจำเป็นต้องซื้อชิ้นใหม่ซะแล้วค่ะ